ประตูต้นไทร เป็นประตูเมืองด้านทิศเหนือของค่ายเนินวง ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ก่อสร้างในปีพุทธศักราช ๒๓๗๗ ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เพื่อเป็นปราการป้องกันพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก เนื่องจากบริเวณที่ตั้งของค่ายเนินวงมีภูมิประเทศเป็นเนินดินสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ เหมาะแก่การตั้งทัพป้องกันข้าศึกศัตรู

ผังบริเวณค่ายเนินวง

       ค่ายเนินวงเป็นเมืองที่มีกำแพงเมืองคูเมืองล้อมรอบ คูเมืองขุดลงไปในชั้นศิลาแลงธรรมชาติ กว้างประมาณ ๑๕ เมตร ดินที่ขุดคูเมืองนำมาถมเป็นกำแพงเมืองกว้างประมาณ ๒๕ เมตร สูงประมาณ ๕ เมตร บริเวณที่มีการเว้นช่องประตูจะมีการก่ออิฐเป็นกำแพงกันดิน โดยเว้นช่องประตูกว้างประมาณ ๓.๕๐ เมตร ไม่ปรากฏร่องรอยของบานประตู แต่มีเสาไม้จำนวน ๔ ต้น สูงประมาณ ๕ เมตร รองรับอาคารด้านบนซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหอรบหรือหอสังเกตุการณ์ ประตูต้นไทรเป็นประตูเพียงแห่งเดียวจากประตูเมืองทั้งหมด ๘ ประตู ที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยอาคารด้านบน

กำแพงเมือง (ซ้าย) และคูเมือง (ขวา)

 

เสาไม้และคานไม้ ก่อนการบูรณะ

        ด้านข้างของอาคารทั้งสองด้านมีแนวใบบังทำจากศิลาแลง ยาวประมาณ ๗-๑๐ เมตร สูงประมาณ ๑.๕๐ เมตร และเชิงเทินกว้างประมาณ ๘ เมตร ยาวต่อเนื่องไปตลอดระยะกำแพงเมือง

ใบบังทำจากศิลาแลง ก่อนการบูรณะ

        กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ดำเนินการบูรณะประตูต้นไทร ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ ก่อนดำเนินการบูรณะได้ทำการตัดแต่งกิ่งต้นไทรที่ขึ้นปกคลุมอาคารด้านบน ทำให้พบฐานอาคารก่ออิฐที่มีลักษณะเป็นฐานบัวคว่ำ มีทางเข้าออกจากด้านกำแพงเมืองทั้งสองฝั่ง ฐานอาคารตั้งอยู่บนไม้ซุงผ่าครึ่งวางเรียงกัน มีเสาไม้ คานไม้และผนังกันดินก่ออิฐเป็นตัวรองรับน้ำหนักอาคาร ไม่พบส่วนของผนังอาคารและโครงสร้างหลังคา อย่างไรก็ตามพบชิ้นส่วนปูนฉาบผนังอาคาร ลวดบัวปูนปั้นเป็นวงโค้ง กระเบื้องมุงหลังคา    ดินเผา ทำให้สันนิษฐานว่าอาคารด้านบนของประตูเป็นอาคารที่มีฐานทำจากอิฐ มีผนังฉาบปูน มีช่องหน้าต่างหรือช่องประตูเป็นวงโค้งและมุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา

ประตูต้นไทรหลังการตัดแต่งกิ่งต้นไทรออก

 

ประตูต้นไทร ระหว่างการบูรณะ

 

ลวดบัวปูนปั้นเป็นวงโค้ง (ซ้าย) และ ชิ้นส่วนปูนฉาบผนังอาคาร (ขวา)

 

กระเบื้องมุงหลังคาดินเผา

ภาพสันนิษฐานอาคารด้านบนของประตูต้นไทร รูปแบบที่ ๑

 

ภาพสันนิษฐานอาคารด้านบนของประตูต้นไทร รูปแบบที่ ๒

        ค่ายเนินวงได้รับการขึ้นทะเบียน ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๗๑ ตอนที่ ๓  วันที่ ๕ มกราคม ๒๔๙๗

โบราณสถานปราสาทเขาโล้น : ตั้งอยู่ที่บ้านเจริญสุข ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว

 

       ปราสาทเขาโล้นเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างของเทวาลัย สร้างด้วยอิฐที่ขัดฝนจนรอยต่อของแต่ละก้อน     เรียบสนิท ตั้งอยู่ที่บ้านเจริญสุข ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว โบราณสถานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีปราสาทประธานเป็นจุดศูนย์กลางของศาสนสถาน เป็นอาคาร ๓ หลังเรียงตัวในแนวทิศเหนือ-ทิศใต้ ตั้งอยู่บนฐานร่วมกันซึ่งเรียกว่าฐานไพที ปราสาทหลังกลางมีขนาดใหญ่กว่าปราสาทอีก ๒ หลังเล็กน้อย 

ปราสาทเขาโล้นหลังการขุดแต่งทางโบราณคดี

       ปราสาททั้ง ๓ หลังมีประตูทางเข้าเพียงช่องเดียวทางด้านทิศตะวันออก ส่วนอีกสามด้านเป็นประตูหลอก ภายในมีห้องสำหรับประดิษฐานรูปเคารพ แต่ปัจจุบันพบเพียงชิ้นส่วนแท่นฐานเท่านั้น ส่วนยอดเป็นชั้นซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไปเรียกว่าชั้นวิมาน ในการดำเนินงานทางโบราณคดีพบชิ้นส่วนปราสาทจำลองและบรรพแถลงทำจากหินทราย สันนิษฐานว่าใช้ประดับในแต่ละชั้นของส่วนยอด


ชิ้นส่วนประดับส่วนยอดของปราสาทประธาน

ภาพสันนิษฐานปราสาทเขาโล้น

       ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้มีอาคารที่เรียกว่าบรรณาลัย ซึ่งเป็นที่เก็บคัมภีร์หรือประดิษฐานรูปเคารพรอง บรรณาลัยหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเข้าหาปราสาทประธาน ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว บริเวณกึ่งกลางกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออก ทิศใต้และทิศตะวันตก มีซุ้มประตูที่เรียกว่าโคปุระ โคปุระทิศตะวันออกเป็นโคปุระที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นทางเข้า-ออกโบราณสถานเพียงทางเดียว

บรรณาลัย (ซ้าย) และโคปุระทิศตะวันออก (ขวา) หลังการขุดแต่งทางโบราณคดี

ผังบริเวณปราสาทเขาโล้น

         แผนผังของปราสาทเขาโล้นมีลักษณะคล้ายกับแผนผังของปราสาทเขมรที่สร้างราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ในศิลปะบาปวน เช่น ปราสาททอง จังหวัดบุรีรัมย์ และปราสาทสด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว
        ปราสาทเขาโล้นตั้งอยู่บนยอดภูเขาหินทราย จึงมีการใช้ประโยชน์จากหินทรายธรรมชาติ โดยนำมาปรับแต่งพื้นที่บนยอดเขาให้เป็นเนินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อก่อสร้างปราสาท และนำมาวางเรียงให้เป็นทางขึ้นสู่ปราสาท บริเวณเชิงเขามีบารายหรืออ่างเก็บน้ำที่สร้างจากคันดินคร่อมลำน้ำธรรมชาติสำหรับกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในศาสนสถานและชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณปราสาท

ปราสาทเขาโล้นก่อนการขุดแต่งทางโบราณคดี 

         ปราสาทเขาโล้นสร้างขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๖ เนื่องจากมีการค้นพบจารึกที่บริเวณวงกบประตูระบุศักราชที่ตรงกับพุทธศักราช ๑๕๕๙ ซึ่งอยู่ในรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ สอดคล้องกับรูปแบบศิลปะของทับหลังที่กำหนดอายุได้่ในศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนต้น โดยเป็นรูปบุคคลหรือเทวดานั่งอยู่เหนือเกียรติมุขหรือหน้ากาล อันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการปกป้องสิ่งชั่วร้าย นิยมประดับอยู่เหนือประตูทางเข้า หน้ากาลอ้าปากแลบลิ้น มีท่อนพวงมาลัยโผล่ออกมาจากใต้ลิ้น มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยไว้ ปลายพวงมาลัยขมวดเป็นลายก้านขด

ทับหลังปราสาทเขาโล้น
ที่มา : http://asianart.emuseum.com เข้าถึงเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓

        จากหลักฐานภาพถ่ายเก่า พบว่าบริเวณซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธานเคยมีวงกบประตู เสาประดับกรอบประตูแปดเหลี่ยม และทับหลังทำจากหินทราย ซึ่งปัจจุบันพบว่าจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในต่างประเทศ กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการขอนำกลับคืนสู่ประเทศไทย เพื่อนำความสมบูรณ์ให้กลับคืนมาสู่ปราสาทเขาโล้นดังเดิม

ภาพถ่ายซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกของปราสาทเขาโล้น
ที่มา : สุภัทรดิศ ดิศกุล, ม.จ., ศิลปสมัยลพบุรี, กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๑๐.

        โบราณสถานปราสาทเขาโล้นได้รับการขึ้นทะเบียน ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๐๖ ตอนที่ ๑๑๒ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๒

 

         ปราสาทสด๊กก๊อกธม    

       ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หมู่ที่ ๙ ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว อยู่ห่างจากชายแดนของประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นโบราณสถานในวัฒนธรรมเขมรโบราณที่แผนผังและพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดสระแก้ว